วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คน ที่เป็น เพื่อน

ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาระดับเดียวกัน  ไม่จำเป็นต้องมีฐานะเท่าเทียมกัน
ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งหน้าที่การงานเท่าเทียมกัน
คอยเตือน ยามเพื่อนพลั ้ง
คอยฟัง ยามเพื่อนขอ
คอยรอ ยามเพื่อนสาย
คอยพาย ยามเพื่อนพัก
คอยทัก ยามเพื่อนทุกข์
คอยปลุก ยามเพื่อนท้อ
คอยง้อ ยามเพื่อนงอน
คอยสอน ยามเพื่อนผิด
คอยสะกิด ยาม เพื่อนเผลอ
คอยเจอ ยามเพื่อนหา
คอยลา ยามเพื่อนกลับ
คอยปรับ ยามเพื่อนเปลี่ยน
คอยเรียน ยามเพื่อนเที่ยว
คอยเคี่ยว ยามเพื่อนเล่น
คอยเย็น ยามเพื่อนร้อน
คอยหอน ยามเพื่อนเห่า
คอยเฝ้า ยามเพื่อนฟุบ
คอยอุบ ยามเพื่อนปิด
คอยคิด ยามเพื่อนถาม
คอยปราม ยามเพื่อนหลง
คอยปลง ยามเพื่อนแกล้ง
คอยแบ่ง ยามเพื่อนหมด
คอยอด ยามเพื่อนทาน
คอยคาน ยามเพื่อนล้ม
คอยชม ยามเพื่อนชนะ
คอยสละ ยามเพื่อนชอบ
ส่งให้คนที่คุณคิดว่าเค้าเป็น... ' เพื่อน ' และอย่าลืมส่งกลับให้กับ ' เพื่อน ' คนที่ส่งมาให้คุณ เพื่อนที่
รักเราหาไม่ง่ายเลย ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมีแล้ว จงรักษามันไว้ให้ดีดี รักกันไว้ให้มาก ๆ ไม ่มีอีกแล้วถ้า
เราจะเสียเพื่อนที่ดีไปเพราะแค่เหตุผลเดียวคือความโง่ ......โง่ของตัวเอง ......นะจะบอกให้

โคเลสเตอรอลคืออะไร ?

นิตยสาร "สรรสาระ Reader's Digest" ฉบับ 01/10 ตีพิมพ์เรื่อง "ไขมันชนิดดี" เพิ่มขึ้นได้ด้วยอาหาร ผู้เขียนอ่านแล้วได้ไอเดีย (idea = ข้อคิด) มาเล่าสู่กันฟังพร้อมกับนำคำแนะนำจากสถาบันเมโยคลินิก สหรัฐฯ มาเล่าสู่กันฟังครับ
ภาพที่ 1: โคเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดมาจากไหน
คำตอบ คือ ส่วนใหญ่ประมาณ 80% สร้างขึ้นที่ตับ (สร้างในร่างกาย), 20% มาจากอาหารทำจากสัตว์ อาหารจากพืชไม่มีโคเลสเตอรอล
คนที่ไม่กิน เนื้อสัตว์เลย เช่น กินแบบมังสวิรัติ ฯลฯ (พบมากในอินเดีย) ก็มีโคเลสเตอรอลสูงได้ เนื่องจากส่วนใหญ่ (80%) สร้างขึ้นที่ตับ ซึ่งจะสร้างมากน้อยเท่าไรขึ้นกับพันธุกรรม และการได้รับปริมาณไขมันอิ่มตัว-ไขมันทรานส์ (ได้มากสร้างโคเลสเตอรอลชนิดเลวมาก ได้น้อยสร้างน้อย)
โค เลสอตอรอลขนาดพอดีๆ มีประโยชน์ คือ ใช้สร้างฮอร์โมนสเตอรอยด์ เช่น ฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนควบคุมระดับเกลือแร่ในร่างกาย ฯลฯ และใช้สร้างส่วนประกอบในเซลล์ โดยเฉพาะผนังเซลล์-เยื่อหุ้มส่วนย่อยภายในเซลล์
ภาพที่ 2: โคเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดมีกี่ประเภท
โคเลสเตอรอลรวมมิตร หรือกลุ่มโคเลสเตอรอล (total cholesterol) แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่มได้แก่


(1). ชนิด ดี (HDL) > ช่วยเก็บขยะคราบไขโคเลสเตอรอลจากผนังหลอดเลือด กลับไปที่ตับ ขับออกทางน้ำดี เข้าสู่ลำไส้ ส่วนหนึ่งจะถูกขับออกทางอุจจาระ สัดส่วนการขับโคเลสเตอรอลออกแปรตามปริมาณเส้นใย หรือไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ คือ ยิ่งมีเส้นใยช่วยจับโคเลสเตอรอลมาก ยิ่งขับออกมาก-ดูดซับกลับไปใหม่น้อย, ถ้ากินเส้นใยน้อย จะขับออกน้อย-ดูดซับกลับไปใหม่มาก
(2). ชนิดร้าย (LDL) > นำคราบไขโคเลสเตอรอลจากตับไปทิ้งไว้ตามผนังหลอดเลือด
(3). ผู้ช่วยฝ่ายร้าย (triglycerides / ไตรกลีเซอไรด์) > ทำให้โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) มีอายุสั้นลง (ผลคือ ลดระดับลง), และทำให้โคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) มีขนาดเล็กลง แทรกซึมผ่านผนังหลอดเลือดไปสะสมเป็นคราบไขที่ผนังหลอดเลือดได้เร็วขึ้น
ชีวิตของโคเลสเตอรอลก็คล้ายกับชีวิตจริงที่ว่า ฝ่ายดีมักจะโดดเดี่ยว ฝ่ายร้ายมักจะมีผู้ช่วย, ไม่มีใครรู้ว่า ทำไมโลกเราเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นถึงตรงนี้ขอให้ใช้ยา "ทำใจ" ไปก่อน


ภาพที่ 3: โคเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดแต่ละชนิดต่างกันตรงไหน
โคเลสเตอรอลเป็นสารประกอบไลโพโพรตีน (lipoprotein; lipo = lipid = ไขมัน; protein = โปรตีน) แต่ละชนิดมีสัดส่วนโปรตีน (สีเขียว) และโคเลสเตอรอลหรือคราบไข (สีเหลือง) ไม่เท่ากัน
ธรรมดาของ เนื้อ (โปรตีน) จะหนักกว่าไข (โคเลสเตอรอล), โคเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นสูง (หนักหน่อย) หรือชนิดดี (HDL) มีสัดส่วนโปรตีนมาก, ส่วนโคเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นต่ำ (เบาหน่อย) มีสัดส่วนโคเลสเตอรอลมาก ส่วนไตรกลีเซอไรด์ เป็นไขมัน เวลานำเลือดมาทิ้งไว้นานๆ หรือปั่นแยก จะพบไขมันไตรกลีเซอไรด์ลอยขาวขุ่นแยกชั้นออกมาคล้ายๆ กับขนมหน้ากะทิ


ภาพที่ 4: ไขมันอิ่มตัวพบมากในอะไร
ไขมันอิ่มตัวพบมากในกะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม น้ำมันสัตว์ (เช่น น้ำมันหมู ฯลฯ), เครื่องใน อาหารจากสัตว์และนมไขมันเต็ม แม้แต่เนื้อแดงหรือเนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น แพะ แกะ หมู วัว ฯลฯ ก็มีไขมันอิ่มตัวแฝงอยู่ การกินเนื้อมากๆ จะทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวสูงเช่นกัน
ไขมันอิ่มตัวทำให้ตับสร้างโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) เพิ่มขึ้น และที่กว่าไขมันอิ่มตัว คือ ไขมันทรานส์ (trans fat) ซึ่งมีมากในเนยขาว เบเกอรี่ ขนมกรุบกรอบ ฟาสต์ฟูด อาหารสำเร็จรูป เนยเทียม คอฟฟี่เมต ไขมันทรานส์เพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) ด้วย และทำให้โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ต่ำลงด้วย


ภาพที่ 5: อาหารแบบไหนที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ-โคเลสเตอรอลต่ำ
อาหาร ที่ช่วยให้โคเลสเตอรอลเปลี่ยนไปในทางที่ดี คือ อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว-ไขมันทรานส์ต่ำ และมีโคเลสเตอรอลต่ำได้แก่ ธัญพืชไม่ขัดสี (เช่น ขนมปังโฮลวีท ข้าวกล้อง ฯลฯ), ปลา, สัตว์ปีกนำหนังออก, ผัก, ผลไม้ทั้งผล (ไม่ใช่น้ำผลไม้กรองกากทิ้ง)


ภาพที่ 6: ตัวอย่างโคเลสเตอรอลในอาหาร
เครื่องใน เช่น ตับ (beef liver = ตับวัว) ฯลฯ มีโคเลสเตอรอลสูง, ไข่มีโคเลสเตอรอลค่อนไปทางสูง (213 มก.จากขีดจำกัด 250 มก.ต่อวัน) ทว่า... มีสารช่วยลดโคเลสเตอรอล เช่น โคลีน ฯลฯ
การกินไข่ วัน ละฟองในคนที่มีสุขภาพดีส่วนใหญ่ (ประมาณ 80%) ไม่ได้ทำให้โคเลสเตอรอลเพิ่ม, คนอีกประมาณ 20% อาจไม่เหมาะกับการกินไข่วันละฟอง (กินไข่แดง 1/2 ฟองต่อวันได้ ไข่ขาวไม่มีโคเลสเตอรอล)
วิธีสังเกตอาจต้อง ลองกิน แล้วเจาะเลือดเปรียบเทียบกับช่วงไม่กิน, เลือกทางสายกลาง คือ 2-3 ฟองต่อสัปดาห์, ถ้ามีโรคประจำตัวหรือมีความเสี่ยงต่อโรคสูง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ฯลฯ ควรปรึกษาหมอใกล้บ้าน
เนื้อหรือสัตว์ ปีก (beef = เนื้อวัว, chicken = ไก่) มีโคเลสเตอรอลค่อนไปทางต่ำ ทว่า... เนื้อมีไขมันอิ่มตัวสูง ทางเลือกที่ดี คือ กินเนื้อให้น้อยลง กินสัตว์ปีกที่นำหนังออก ปลาแทน และที่ดีมาก คือ ลดเนื้อลงครึ่งหนึ่ง กินโปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว โปรตีนเกษตร เต้าหู้ นัท (nut เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ) ฯลฯ แทนนมไขมันเต็ม (whole milk) มีโคเลสเตอรอลสูงกว่านมไม่มีไขมัน (skim milk) มาก, การดื่มนมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันพร้อมอาหารแทนนมไขมันเต็มช่วยลดโคเลสเตอรอล และลดไขมันอิ่มตัวได้มาก


ภาพที่ 7: การออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำช่วยให้โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) เพิ่มได้มาก
ส่วนจะได้ผลมากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับพันธุกรรม ความหนักและความนานของการออกแรง-ออกกำลัง ซึ่งโดยทั่วไปการออกแรง-ออกกำลังหนักในเวลาสั้นๆ มีแนวโน้มจะได้ผลมากกว่าแบบเบาๆ นานๆ
วิธีที่ทำได้ง่ายในคนส่วนใหญ่ คือ เดินให้เร็วขึ้น-แกว่งแขนให้เร็วขึ้นจนพูดได้ 3-5 คำก็เหนื่อย (brisk walking) นาน 30 นาที 5 ครั้ง/สัปดาห์ เสริมด้วยการขึ้นลงบันได 7 นาที/วัน
นิตยสารสรรสาระกล่าวว่า การเพิ่ม HDL หรือโคเลสเตอรอลชนิดดีขึ้น 1 หน่วย ลดเสี่ยงโรคหัวใจ 2-3%, อาหารเพิ่ม HDL ได้แก่


(1). ช็อคโกแล็ตสีเข้ม 15 กรัม/วัน
วิธีที่ดี คือ ซื้อโกโก้สีเข้มมาชงกับนมไขมันต่ำ หรือนมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียมเตรียมไว้ ออกแรง-ออกกำลังก่อน พักสักครู่ แล้วดื่มภายใน 30 นาทีหลังออกกำลัง โปรตีนจากนมจะเข้าไปช่วยซ่อมแซม และเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ส่วนโกโก้จะช่วยเพิ่ม HDL
(2). แซลมอน
แซลมอน (ดีที่สุด คือ ไม่ผ่านการทอด) 120 กรัม (ประมาณ 1.5 ฝ่ามือผู้ใหญ่ผู้หญิง ไม่รวมนิ้วมือ หรือเนื้อปลาในปลากระป๋องขนาดกลาง), 2 ครั้ง/สัปดาห์ ปลาทะเลอื่นๆ ก็ใช้ได้เช่นกัน
(3). เบอร์รี
ขนาด 1 ถ้วยตวง (240 มิลลิลิตร)/วัน 8 สัปดาห์ เพิ่ม HDL ได้ 5%, เมืองไทยมีผลไม้กลุ่มนี้น้อย คือ มีแต่สตรอเบอรี กับมาลเบอรี (ผลลูกหม่อน)
(4). ไข่
การศึกษาวิจัยจากไทยพบ ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี และกินไข่ 1 ฟอง/วัน 12 สัปดาห์ มีระดับ HDL เพิ่ม 48% สถาบันเมโย คลินิก สหรัฐฯ แนะนำวิธีเพิ่ม HDL ไว้ดังต่อไปนี้


(1). ไม่สูบบุหรี่ + ไม่หายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป บุหรี่ทำลาย HDL > การเลิกบุหรี่เพิ่ม HDL ได้ 10%
(2). รักษาน้ำหนัก
คนที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน > การลดน้ำหนัก 6 ปอนด์หรือ 2.72 กก. เพิ่ม HDL ได้ 1 มก./ดล. (หน่วยมิลลิกรัมต่อ 1 เดซิลิตร หรือ 1/10 ลิตร)
(3). ออกแรง-ออกกำลัง
คนที่นั่งๆ นอนๆ (sedentary) ทั้งวัน > ออกกำลังแรงปานกลางขึ้นไป (เดินเร็ว 30 นาที/วัน 5 วัน/สัปดาห์ขึ้นไป) หรือออกกำลังรูปแบบอื่นๆ ให้หนักหน่อย รวมเวลาให้ได้เกิน 120 นาที/สัปดาห์ เพิ่ม HDL 5%
(4). เลือกน้ำมันและไขมันชนิดดี
ลดไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ เลือกน้ำมันชนิดที่มีไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง เช่น น้ำมันมะกอก คาโนลา รำข้าว ถั่วลิสง เมล็ดชา ฯลฯ (เฉพาะน้ำมันมะกอก ไม่ควรใช้ทอด ที่เหลือใช้ทอดได้ดีมาก) กินอาหารที่มีโอเมกา-3 สูง เช่น ปลาทะเลที่ไม่ผ่านการทอด น้ำมันปลา แฟลกซีด (เมล็ดปอป่าน), อาหารทะเล นัท (nuts เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ), ถั่ว ฯลฯ ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ


ที่มา
Mayo Clinic > High cholesterol. July 24, 2010.
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์. ยินดีให้นำไปเผยแพร่โดยอ้างอิง

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ผลตอบแทน"จอยแอนด์คอยน์" หรือ "เจริญโอสถฯ"

"จอยแอนด์คอยน์" หรือ "เจริญโอสถฯ" เลือกใช้วิธีที่ให้ความพึงพอใจ กับผู้จำหน่ายอิสระที่ทำธุรกิจ และผู้จำหน่ายอิสระที่เป็นสมาชิกเพื่อซื้อสินค้า มีอิสระในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น เพื่อสะสมคะแนนรับผลตอบแทน โดยไม่จำเป็นต้องรักษายอด โดย บริษัทฯ จะใช้วิธีจูงใจในเรื่องของผลตอบแทน ในรูปแบบสะสมคะแนน และจำนวนสินค้าที่มีให้เลือกที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ในองค์กรจึงเกิดการซื้อซ้ำอย่างเป็นธรรมชาติ และยั่งยืน

ตัวอย่างต่อไปนี้ แสดงให้เห็นถึงการซื้อซ้ำในแผนบาลานซ์ทีม

หลักการคือ เมื่อสมาชิกสะสมคะแนนจนครบ 3,825PV เป็นระดับทอง(GD)แล้ว การซื้อสินค้าในแผน บาลานซ์ทีมครั้งต่อไป ระบบจะแจ้งให้สมาชิกทำการเปิดหน่วยที่ 2 โดยจะนำมาต่อทางฝั่งซ้าย หรือฝั่งขวาก็ได้ เพื่อสะสมคะแนนไว้จนครบ 3,825PV โดยคะแนนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คะแนนใน 425PV แรกจะนำไปคำณวนในแผน ทวินเน็ทเวิร์ค(Twin Network) และอีก 3,400PV จะนำมาคำนวณในแผน บาลานซ์ทีม(Balance Team)

การเปิดหน่วยที่ 2 ของสมาชิกยังเป็นรหัสเดิม ไม่ต้องเสียค่าสมัครอีก ซึ่งในแต่ละรหัสจะสามารถเปิดหน่วยเพื่อซื้อสินค้าในแผนบาล้านทีมได้มากถึง 15 หน่วย

เมื่อหน่วยที่ 2 ของสมาชิก มีคะแนนสะสมครบ 3,825PV คะแนนจะเก็บไว้เพื่อมาคำนวณในแผนบาลานซ์ทีมทางฝั่งซ้าย 3,400PV หรือเท่ากับ 1 หน่วย และเมื่อมีการซื้อสินค้าซ้ำอีกก็จะเปิดหน่วยที่ 3 ไว้ทางฝั่งขวา และสะสมคะแนนต่อไป เมื่อทางฝั่งขวา มีคะแนนสะสมจนเป็น GD ทางฝั่งขวาก็จะมีคะแนน 3,400PV หรือเท่ากับ 1 หน่วยเช่นกัน

เมื่อคะแนนทางฝั่งซ้ายมี 3,400PV หรือ 1 หน่วย ฝั่งขวามี 3,400PV หรือ 1 หน่วย ระบบจะทำการจ่ายผลตอบแทน คิดเป็น 1 คู่ เท่ากับ 1,000 บาท

หากสมาชิกมีการซื้อสินค้าซ้ำบ่อยๆ เมื่อครบทุกๆ 3,825PV ระบบก็จะให้เปิดหน่วยใหม่อีก เราสามารถสะสมคะแนนเพื่อรับผลตอบแทนในแผนบาลานซ์ทีมได้อีก ยิ่งสะสมคะแนนได้เร็วเท่าไหร่ สมาชิกก็จะได้ผลตอบแทนกลับคืนมาเร็วขึ้นด้วย

ในแต่ละหน่วยเมื่อมีคะแนนครบ 3,825PV จะได้รับสิทธิเป็นระดับทอง(GD) สามารถสะสมคะแนนเพื่อรับผลตอบแทนในแผนบาลานซ์ทีมเช่นเดียวกับรหัสแรก เปรียบได้กันเป็นศูนย์ธุรกิจที่ 2-3-4 ได้เลย ดังน้นการซื้อซ้ำของสมาชิกจะเป็นการทวีค่าของการสะสมคะแนนในแผนบาลานซ์ทีมด้วย

ตัวอย่างในรูปด้านบนแสดงให้เห็นว่า เมื่อมีการซื้อซ้ำโดยการเปิดหน่วยที่ 6 และ 7 ตามลำดับ ระบบจะทำการคำนวณผลตอบแทนกลับคืนมามากขึ้นด้วย เพราะไม่ได้มีแค่รหัสแรกที่ได้ ศูนย์ธุรกิจที่ 2 และ 3 ก็ได้รับด้วยเช่นกัน จึงเป็นการจูงใจให้สมาชิกมีการซื้ำอซ้ำที่มากขึ้น เนื่องจากจะได้ผลตอบแทนกลับคืนมามากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องบังคับให้รักษายอดแต่อย่างใด

สมาชิกที่ไม่ได้ทำธุรกิจแต่มีการปริโภคสินค้ามาก จะได้รับประโยชน์จากระบบบาลานซ์ทีมนี้เท่าเทียมกับสมาชิกที่ทำธุรกิจเลยทีเดียว จะแตกต่างกันตรงที่มีคะแนนสะสมเพื่อรับผลตอบแทนเร็วหรือช้าต่างกันเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการให้ประโยชน์กับสมาชิกทั้งที่ทำธุรกิจ และไม่ได้ทำธุรกิจได้เท่าเทียมกันอย่างยุติธรรม แถมยังจูงใจให้มีการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ประกอบกับ บริษัทฯมีสินค้าให้เลือกปริโภคมากมายหลายประเภท จึงส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นไปตามธรรมชาติ

ตัวอย่างที่สอง การซื้อสินค้าในแผนบาลานซ์ทีม และทวินเน็ตเวิร์ค
ตัวอย่างนี้ สมมุติกรณี "นายแดง" เป็นสมาชิกเพื่อซื้อสินค้า หรือยังไม่พร้อมทำธุรกิจ แต่เนื่องด้วยระบบจะสร้างสายงานเพียง 2 สายงานจึงเป็นไปได้ที่เครือข่ายที่เกิดจากการทำงานของทีมงานด้านบนนำมาต่อเป็นสายงานนึงและมีการเจริญเติบโตมากขึ้น "นายแดง" จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนด้วยเช่นกัน

จากรูปด้านบนเครือข่ายทั้งหมดที่เป็นสายงานของ "นายแดง" จะเก็บคะแนนให้ "นางแดง" ด้วยเช่นกัน ผลประโยชน์อันดับแรก คือแผนทวินเน็ตเวิร์ค ซึ่งแม้มีสายงานโตข้างเดียวก็มีสิทธิรับผลตอบแทนได้เช่นเดียวกัน

ในกรณีที่สายงานด้านซ้ายมีคะแนนเก็บมากอยู่แล้ว เพียงแค่ซื้อสินค้าสะสมคะแนนในแผนบาล้านทีมโดยเปิดหน่วยที่ 2 ทางฝั่งขวา เมื่อมีคะแนนในแผนบาล้านทีมครบ 3,400PV "นายแดง" จะได้รับ 1,000 บาททันที

หากมีการซื้อซ้ำอีก(ตามรูป) ผลตอบแทนก็จะทวีคูณมากขึ้น จากการที่ หน่วยที่ 2 กลายเป็น GD ซึ่งถือเป็น ศูนย์ธุรกิจด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อมีการซื้อสินค้าโดยเปิด หน่วยที่ 3 และ 4 ภายใต้ศูนย์ธุรกิจที่ 2 ก็จะเก็บคะแนนให้ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

ฉบับที่ 5/2553

ชื่อเรื่อง:
คู่มือทดสอบความคิดสร้างสรรค์ = Test your creative thinking

ผู้แต่ง:
ลอยด์ คิง, ผู้แต่ง ; รัชนี เอนกพีระศักดิ์, ผู้แปล

สำนักพิมพ์:
เนชั่นบุ๊คส์

ปีที่พิมพ์:
2551

จำนวนหน้า:
164 หน้า

ราคา:
125 บาท

คนเราเกือบทุกคนเกิดมาพร้อมความสามารถที่จะคิดอย่างสร้างสรรค์ แต่ทักษะดังกล่าวมักถูกละเลยหรือไม่ได้นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ การคิดแนวข้าง (Lateral Thinking) เป็นเรื่องการคิดนอกกรอบของความเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ โดยหนังสือ คู่มือทดสอบความคิดสร้างสรรค์ นี้มีแบบทดสอบในรูปของเกมคำถามปริศนาแบบการคิดแนวข้างมากกว่า 200 ข้อ เพื่อท้าทายให้ผู้อ่านได้ทดลองฝึกทักษะในด้านการคิดสร้างสรรค์ การทำแบบทดสอบนี้ต้องอาศัยการมองปัญหาอย่างครอบคลุม มองออกไปจากกรอบความคิดเดิมๆ ใช้การวิเคราะห์ ไม่ยึดโยงกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่มีความยืดหยุ่น และมองทุกอย่างว่าเป็นไปได้ เพื่อให้ได้คำตอบที่ผู้อ่านอาจจะไม่เคยคิดมาก่อนและจะพบว่าคุณเองก็สามารถทำข้อสอบลักษณะนี้ได้ ซึ่งแปลว่าคุณก็มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์เช่นกัน

ชื่อเรื่อง:
บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ชีวิตนี้เป็นอะไรก็ได้ แต่ต้องเป็นหนึ่ง

ผู้แต่ง:
สมใจ วิริยะบัณฑิตกุล

สำนักพิมพ์:
พีเพิลมีเดีย

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
449 หน้า

ราคา:
320 บาท

หนังสือเล่มนี้เปิดเผยเรื่องราวชีวิต มุมมองแง่คิด ปรัชญาการใช้ชีวิต และการทำงานของนักธุรกิจวัย 72 ปี ประธานเครือบริษัทสหพัฒน์ “คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” เปิดใจให้สัมภาษณ์อย่างไม่ปิดบังนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังเบื้องลึกการพลิกชะตาชีวิต จากเด็กที่เรียนหนังสือในระบบไม่มากนัก แต่สามารถก้าวขึ้นมาสร้างและกุมบังเหียนอาณาจักรแสนล้านด้วยการสร้างธุรกิจจากศูนย์ สู่อาณาจักรธุรกิจอันยิ่งใหญ่กว่า300 แห่งมีพนักงานกว่า 100,000 คน มียอดขายทั้งเครือกว่า 100,000 ล้านบาท และดูเหมือนว่าจะเติบโตต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อะไรคือเหตุผลและเบื้องหลังของการสร้างสินค้าและอาณาจักรแห่งนี้ที่สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับแวดวงการค้าเมืองไทย ตลอดจนเรื่องเล่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ที่เต็มไปด้วยมุมมองความคิดและหลักปรัชญาที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คุณได้

ชื่อเรื่อง:
บันทึกลับจ้าวจื่อหยาง : เบื้องหลังเหตุการณ์นองเลือดเทียนอันเหมิน

ผู้แต่ง:
สิทธิพล เครือรัฐติกาล ... [และคนอื่น ๆ], แปล

สำนักพิมพ์:
มติชน
ปีที่พิมพ์
:
2552
จำนวนหน้า
:
462 หน้า
ราคา
:300 บาท

หนังสือเล่มนี้จะช่วยเติมเต็มประวัติศาสตร์ที่ขาดหายไป ด้วยเรื่องราวจากบันทึกลับของจ้าวจื่อหยาง
อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และอดีตนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งถูกเผยแพร่ไว้ใน วาระครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์เทียนอันเหมิน โดยเฉพาะเรื่องราวเหตุการณ์จลาจลนองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมินนั้น คนไทยได้รับรู้เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น ยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังของเหตุการณ์และบุคคลสำคัญอีกมากที่ลุกขึ้นต่อสู้กับระบอบเก่า ทว่าวีรกรรมของท่านเหล่านั้นแทบไม่เป็นที่รับรู้เลยในโลกปัจจุบัน หลากหลายคำถามดำมืดที่คลุมเครือมาตลอด 20 ปี เช่น อะไรคือสาเหตุขัดแย้งในกลุ่มผู้นำชาวจีน อะไรคือสาเหตุการตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมจนกลายเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ ทำไมจ้าวจื่อหยางจึงถูกกักขังอยู่ในบ้านของตนเองและถูกทำให้หายไปจากความทรงจำของคนจีนทั้งประเทศ "บันทึกลับจ้าวจื่อหยาง" ไม่เพียงบอกเล่าถึงเหตุการณ์เบื้องหลังการนองเลือดที่จตุรัสเทียนอันเหมินเท่านั้น แต่ยังแสดงทัศนคติที่มีต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองของจ้าวจื่อหยาง ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความแตกแยกทางความคิด อันเนื่องมาจากการขัดแย้งทางผลประโยชน์ภายในอย่างชัดเจน

ชื่อเรื่อง
:พระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่จะตรัสรู้ต่อจาก “เจ้าชายสิทธัตถะ”

ผู้แต่ง:
บารมี

สำนักพิมพ์:
มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย

ปีที่พิมพ์:
2552 (พิมพ์ครั้งที่ 6)

จำนวนหน้า:
406 หน้า

ราคา:
250 บาท

กล่าวถึงพุทธประวัติเกี่ยวกับผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ในอนาคต 10 พระองค์ทั้งนี้ ผู้เขียนได้เรียบเรียงและวาดภาพประกอบเรื่องโดยอาศัยเนื้อความภาคภาษาไทยจากพระคัมภีร์สำคัญในพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ได้แก่ ทสโพธิสัตตุปปัตติกถา หรือ อนาคตวงศ์ฉบับร้อยแก้ว และ อมตรสธาราอรรถกถาอนาคตวงศ์ นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมเนื้อหาสาระจากพระคัมภีร์อื่น ๆ อีกหลายคัมภีร์ อาทิ ตำนานมูลศาสนาชินกาลมาลีปกรณ์ เป็นต้น

ชื่อเรื่อง
:หมอดื้อ

ผู้แต่ง:
ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา

สำนักพิมพ์:
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปีที่พิมพ์
:2552

จำนวนหน้า:
204 หน้า

ราคา:
199 บาท

หนังสือ "หมอดื้อ" เป็นการรวบรวมบทความของผู้เขียนที่นำลงเป็นประจำในหนังสือพิมพ์กรุงเทพ
ธุรกิจและหนังสือพิมพ์อื่นๆ ในช่วงปี 2551 และ 2552 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของโรคภัย สุขภาพ และความปลอดภัย ครอบคลุมถึงวิธีการรักษา วิธีการใช้ยา กลยุทธ์ในการให้ผู้ป่วยใช้ยา การดูแลรักษาตนเองแบบไม่ต้องพึ่งพายา ฯลฯ โดยเป็นบทความที่มีการอ้างอิงหลักฐานทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงบุคคลที่มีตัวตน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านทั้งผู้ที่มีโรคภัยเจ็บป่วยอยู่ และผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

ย่อหนังสือ 1/2553

ชื่อเรื่อง:
คู่มือนักบริหาร

ผู้แต่ง:
นาดี แก้วภิญโญ

สำนักพิมพ์:
อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
340 หน้า

ราคา:
300 บาท

นักบริหารที่ดีควรมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อให้งานต่างๆ ดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย
และสมบูรณ์แบบ "คู่มือนักบริหาร" เล่มนี้มีเครื่องมือให้นักบริหารสามารถตรวจสอบตนเองและนำมาฝึกใช้ในการบริหารได้ในทุกที่ ทุกเวลาและทุกโอกาส โดยเนื้อหาของหนังสือมีความหลากหลายและเข้าใจง่าย รวบรวมเรื่องการบริหารงาน การบริหารผลการปฏิบัติงาน การยริหารเงิน การบริหารคน การบริหารข้อมูลและการบริหารแผนอาชีพ รวมทั้งให้แง่มุมต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารภาพรวมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและทำให้ผู้อ่านประสบความสำเร็จในอาชีพนักบริหารด้วย

ชื่อเรื่อง:
ERP สำหรับผู้บริหาร : ประเด็นในการเลือกใช้ ดำเนินโครงการ และขยายผล

ผู้แต่ง:
David Olson, เขียน ; วิทยา สุหฤทดำรง และ เผ่าภัค ศิริสุข, แปล

สำนักพิมพ์:
อี.ไอ.สแควร์

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
280 หน้า

ราคา:
320 บาท

ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เป็นระบบสารสนเทศในองค์กรที่สามารถ
บูรณาการรวมงานหลักต่าง ๆ ในองค์กรทั้งหมดได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้าง การผลิต การขาย การบัญชี และการบริหารบุคคล เข้าด้วยกันเป็นระบบที่สัมพันธ์กันและสามารถเชื่อมโยงกันอย่าง real time เพื่อให้สามารถรับรู้ข้อมูลหรือสภาพของกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างรวดเร็ว และสามารถตัดสินใจด้านการบริหารอย่างทันท่วงที แต่การนำมาใช้ยังคงสร้างภาระให้องค์กรในหลากหลายด้าน ทั้งเงินลงทุน เวลา บุคลากร และทรัพยากรอื่นๆ สร้างความบอบช้ำให้กับองค์กรอยู่บ่อยๆ โครงการล่าช้า ทำได้ไม่เท่าที่คาดหวัง ตอบสนองเพียงบางงานทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักในบางกรณี สิ่งสำคัญที่ต้องตอบก่อนนำ ERP มาใช้คือ ผู้บริหารได้เข้าใจในประเด็นต่าง ๆ ในการเลือกใช้ ERP หรือไม่ จะออกแบบ ERP อย่างไร หนังสือเล่มนี้แนะวิธีการจัดการโครงการ ERP กลยุทธ์การนำระบบ ERP ไปใช้ การบำรุงรักษา ระบบข้อมูลข่าวกรองธุรกิจ การนำ ERP ไปใช้ในโซ่อุปทาน ERP กับการผลิตแบบลีน ความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีชั้นสูงและแนวโน้มของ ERP รวมทั้งมีกรณีศึกษาประกอบตลอดเล่ม

ชื่อเรื่อง:
สถิติหลักทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ
ผู้แต่ง:
ลดาวัลย์ รามางกูร

สำนักพิมพ์:
คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
387หน้า

ราคา:
300 บาท

หนังสือ "สถิติหลักทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ" เป็นตำราลำดับที่ 57 ของโครงการพัฒนาตำรา ศูนย์บริการเอกสารวิชาการ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนโดยอาจารย์ผู้มีประสบการณ์
เฉพาะด้านจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนังสือเล่มนี้ครอบคลุมเนื้อหาด้านพื้นฐานทางสถิตินับตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูล การนำเสนอข้อมูลด้วยวิธีต่างๆ การแจกแจงความน่าจะเป็นทั้งแบบต่อเนื่องและไม่ต่อเนื่อง การประมาณการค่า การทดสอบสมมติฐาน การทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปร โดยการทดสอบไคสแควร์ การวิเคราะห์ความถดถอยและสหสัมพันธ์ เหมาะสำหรับนิสิตระดับปริญญาตรีและโท รวมทั้งนักวิจัย ที่ต้องใช้เครื่องมือทางสถิติสำหรับงานวิจัย

ชื่อเรื่อง:
รู้ก่อนเป็นก่อน Windows 7

ผู้แต่ง:
สยาม สงวนรัมย์

สำนักพิมพ์:
ซีเอ็ดยูเคชั่น

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
120 หน้า

ราคา:
99 บาท

ระบบปฏิบัติการ Window ของไมโครซอฟต์ เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็น
ที่นิยม เมื่อ Window พัฒนาการไปสู่ Windows 7 ระบบปฏิบัติการล่าสุดจากไมโครซอฟท์ จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิมเพียงใดนั้น หนังสือ รู้ก่อนเป็นก่อน Windows 7 เล่มนี้ แนะนำคุณสมบัติใหม่ๆ พร้อมการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน (step by step) นอกจากการปรับปรุงหลัก ๆ ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเคอร์นัลในการทำงานที่ทำงานได้เร็วขึ้นมีการปรับปรุงทาสก์บาร์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม Jump List อินเตอร์เน็ตเฟซแบบ Aero และ Windows Midia Player 12 ที่ทำงานได้ดีขึ้น รวมไปถึงผู้ใช้สามารถปิดการทำงานงาน Internet Explorer 8 เพื่อใช้เว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่นแล้ว ยังมีตัวอย่างประกอบ ทำให้เข้าใจและสามารถทำตามได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาอันสั้น อ่านแล้วสามารถนำไปใช้ได้ทันที

ชื่อเรื่อง:
เด็กพิเศษช่วยได้ไม่ยาก

ผู้แต่ง:
นภัทร พุกกะณะสุต

สำนักพิมพ์:
นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า
:301 หน้า

ราคา:
320 บาท

การดูแลเด็กพิเศษที่มีสมาธิสั้น แอลดี และออทิสติก จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในตัวเด็ก
การใช้อารมณ์และความรุนแรงในการสอนหรือการฝึกหัดจะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ตรงกันข้ามกลับจะส่งผลร้ายการให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือ ดูแลรักษาให้ถูกวิธี ให้ความรัก ความสุขแก่เด็กเหล่านี้ จะช่วยให้เด็กเป็นพลเมืองดีของประเทศ และทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้ หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียน คุณนภัทร พุกกะณะสุต ได้รวบรวมกลั่นกรองเรื่องราวและปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเด็กสมาธิสั้น เด็กออทิสติก และเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ที่เธอได้รับจากบรรดาพ่อแม่ คุณครู และทุก ๆ คนที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดหรือดูแลเด็กกลุ่มนี้ โดยใช้ประสบการณ์จริงที่ได้เคยเผชิญมามากกว่า 20 ปี เพื่อแก้ปัญหาให้ลูกของเธอที่เป็นเด็กสมาธิสั้น ทั้งยังให้ความรู้จากทฤษฎีและจากการปฏิบัติจริง ซึ่งเป็นประโยชน์แก่พ่อแม่ที่ลูกมีปัญหารวมทั้งญาติพี่น้องรอบ ๆ ตัวเด็กด้วย

ชื่อเรื่อง:
ศรัทธา กับหลักพุทธศาสนาที่แท้จริง

ผู้แต่ง:
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

สำนักพิมพ์:
มูลนิธิหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

ปีที่พิมพ์:
2552 (พิมพ์ครั้งที่ 4)

จำนวนหน้า:
133 หน้า

ราคา:
-
รวบรวมคำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ซึ่งแสดงไว้ในการอบรม ณ สำนักปฏิบัติธรรมทับมิ่งขวัญ ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย เพื่อชี้แนวทางปฏิบัติการเจริญสติอันนำไปสู่ความพ้นทุกข์ โดยแนะนำว่าเราควรศึกษาในเรื่องใดบ้าง และจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะรู้จริง เห็นจริงตามความเป็นจริง
เนื้อหาในเล่มเป็นข้อเขียนสั้นๆ เข้าใจง่ายด้วยตัวอย่างต่างๆ แนะนำรูปแบบการเจริญสติในชีวิตประจำวันโดยกิริยาเคลื่อนไหวในอิริยาบทนั่งด้วย

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับได้รถเก๋งฟรีหนึ่งคัน

ซื้อรถเก๋ง 1,800 cc เหมือนได้เปล่า เพราะได้จากการวางแผนภาษีโดยแท้ จากการทำงานมา 20 ปี ประหยัดภาษีได้เฉลี่ยปีละสามหมื่นบาท รวมหกแสนบาท และเมื่อนำไปลงทุนหาผลประโยชน์ได้รวมเป็นแปดแสนบาท เพราะว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถลดหย่อนได้ 3 ข้อ
1. ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้ปีละ หนึ่งแสนบาท
2. LTF ไม่เกิน 15% ของรายได้และไม่เกิน ห้าแสนบาท
3. RMF ไม่เกิน 15% ของรายได้ +กองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่เกิน 12% ของเงินเดือน และเมื่อรวมแล้วไม่เกิน ห้าแสนบาท
ดังนั้นปี 52 เราประหยัดภาษีได้
1. สองหมื่นบาท
2. สามหมื่นบาท
3. ห้าหมื่นบาท รวมทั้ง 3 ข้อ หนึ่งแสนบาท
โดยเฉพาะประกันชีวิตยังช่วยให้เราสบายใจหมดห่วง เหมือนมีหลักประกันชีวิต ความวิตกกังวลเป็นบ่อเกิดแห่งมะเร็ง จึงหวังว่าคนทำประกันชีวิตไว้จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีในยามชรา
หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ angvic5@gmail.com