วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

จิตรกรจีนตวัดพู่กันวาดรูปนู้ด ''ลูกสาว'' http://blog.fukduk.tv

เรื่องนู้ดๆ ปกติก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่นู้ดจากเมืองมังกรงวดนี้ก็ยิ่งไม่ธรรมดาไปกันใหญ่ เพราะเป็นภาพวาดนู้ดที่เป็นผลงานของคุณพ่อ แต่นางแบบสาวขาวสวยหมวยอึ๋มสบึมส์บึ้ม กลับเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาเองซะงั้น!!!
หลี่ จวง ผิง จิตรกรนู้ดชาวจีน วัย 61 ปี สร้างความฮือฮาให้กับวงการศิลปะโลก และดินแดนหลังม่านไม้ไผ่ ด้วยการวาดภาพสีน้ำมันชุดใหญ่ที่มี หลี่ ฉิน ธิดาคนงามวัย 23 ปี เปลือยกายเป็นนางแบบ โดยจินตนาการว่าเธอเป็นเทพธิดาที่ลงมาโปรดสัตว์โลกจา กสรวงสวรรค์
อาหลี่ผู้พ่อกล่าวว่า ''รูปร่างของเธอ และความงดงามตามธรรมชาติของเธอ ทำให้ผมจินตนาการไปถึงเทพธิดานางฟ้า ภาพวาดเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้ หลังจากที่เธอเห็นดีเห็นงามด้วยไปแล้ว ผมทำเว็บบล็อกส่วนตัวเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับโพสต์รูปลูกสาว และงานศิลปะของผมลงไปในอินเทอร์เน็ต ไม่มีใครโพสต์แสดงความเห็นว่ามันลามกอนาจารหรือส่อไป ในทางเพศแต่อย่างใด''
''ผมสร้างภาพชุด ''เทพธิดาตะวันออก'' (Oriental Goddess) ขึ้นมาโดยที่มีเธอเป็นนางแบบ เธอเป็นทั้งนางแบบในภาพวาดเหล่านี้ และเป็นทั้งศิลปินที่คอยช่วยเหลือผมในการวาดภาพด้วยเ ช่นกัน และแน่นอนอยู่แล้ว ภรรยาของผมเองก็เห็นด้วยกับงานชิ้นนี้'' ศิลปินนักวาดภาพนู้ดจากมณฑลเสฉวนระบุ
ด้านนางแบบสาวหมวยเผยว่าเธอเริ่มเป็นนางแบบให้พ่อตั้ งแต่ 5-6 ปีก่อนแล้ว รวมทั้งยังช่วยพ่อวาดภาพบนผืนผ้าใบอีกต่างหาก โดยกล่าวว่า ''พ่อเห็นว่าฉันเป็นเจ้าของความงดงามแบบคลาสสิกของผู ้หญิงในโลกตะวันออก''
http://blog.fukduk.tv

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ย่อหนังสือน่าอ่าน ฉบับที่ 9/2552


ชื่อเรื่อง:
องค์กรแห่งนวัตกรรม: แนวคิด และกระบวนการ

ผู้แต่ง:
กีรติ ยศยิ่งยง

สำนักพิมพ์:
โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
103 หน้า

ราคา:
120 บาท

องค์กรแห่งนวัตกรรม เป็นแนวคิดการบริหารจัดการองค์กรแนวใหม่ ในการปรับเปลี่ยนคุณลักษณะหรือพฤติกรรมองค์กร เพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าของบริบทโลกาภิวัตน์ที่มีความรู้และนวัตกรรมเป็น
ปัจจัยหลักในการเพิ่มคุณค่า พัฒนา ผลิต สินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพ หนังสือ "องค์กรแห่งนวัตกรรม: แนวคิดและกระบวนการ" มุ่งให้ความรู้ความเข้าใจใน 3 ส่วนที่สำคัญ คือ ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับนวัตกรรม แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับองค์กรแห่งนวัตกรรม และแนวคิดเกี่ยวกับองค์กรนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยนำองค์กรไปสู่ความสามารถในการตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า รวมถึงสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในตลาดการค้าโลกเสรี

ชื่อเรื่อง:
การบริหารโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศ

ผู้แต่ง:
วราภรณ์ จิรชีพพัฒนา

สำนักพิมพ์:
โครงการส่งเสริมและพัฒนาเอกสารวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
362 หน้า

ราคา:
275 บาท

หนังสือ “การบริหารโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศ” เล่มนี้ ได้บูรณาการแนวความคิดหลายๆ แนวความคิดเข้าด้วยกัน รวมทั้งแนะนำเครื่องมือและเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการเทคโนโลยี
สารสนเทศให้ประสบความสำเร็จ ผู้เขียนอธิบายการบริหารโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามแนวทางการบริหารโครงการที่กำหนดโดย Project Management Institute (PMI) ซึ่งสถาบันแห่งนี้กำหนดไว้ว่าผู้ที่จะเป็นผู้จัดการโครงการที่มีความรู้ความสามารถได้ ต้องมีความรู้ 9 ด้านคือ การบริหารการบูรณาการ การบริหารขอบเขต การบริหารเวลา การบริหารค่าใช้จ่าย การบริหารคุณภาพ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบริหารความเสี่ยง การบริหาร การสื่อสาร และการบริหารการจัดซื้อจัดจ้าง นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้เขียนถึงวิธีประมาณการขนาดซอฟต์แวร์และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบสารสนเทศด้วยวิธีการ Function Point และ COCOMO อย่างละเอียดด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับาการจัดการระบบสารสนเทศ วิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์การทั้งภาครัฐและเอกชน

ชื่อเรื่อง:
กลุ่มผลประโยชน์กับการเมืองไทย : แนวเก่า แนวใหม่ และกรณีศึกษา

ผู้แต่ง:
จุมพล หนิมพานิช

สำนักพิมพ์:
สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
687 หน้า

ราคา:
390 บาท

กลุ่มผลประโยชน์เกิดจากการกระจายทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกัน
นักรัฐศาสตร์แนวทางกลุ่ม ส่วนใหญ่ตระหนักว่า แก่นแท้ของการเมือง คือการต่อสู้ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ เพื่อเข้ามามีอิทธิพลเหนือนโยบาย โดยในสังคมการเมืองประเทศไทยกลุ่มผลประโยชน์เห็นได้ชัดเจน ในช่วงหลัง ปี 2515 ที่สำคัญคือ บทบาทและการเคลื่อนไหวของกลุ่มผลประโยชน์ไทยในระยะหลัง ๆ โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2540 มีความเชื่อมโยงกับการเมืองภาคประชาชน เพราะกลุ่มผลประโยชน์ของไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการเมืองภาคประชาชนตามแนวคิดของการเมืองแนวใหม่ในแง่ที่ประชาชเป็นตัวแสดงหลักมากขึ้น อีกทั้งยังมีบทบาทต่อพัฒนาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของไทยอีกด้วย ซึ่งนักรัฐศาสตร์แนวทางกลุ่มถือว่าพฤติกรรมกลุ่มเป็นหัวใจของการเมือง การเข้าใจพฤติกรรมกลุ่มทำให้เข้าใจการเมืองและปรากฎการณ์ทางการเมือง

ชื่อเรื่อง:
มติมหาชน การสื่อสาร และการเมือง

ผู้แต่ง:
เสถียร เชยประทับ

สำนักพิมพ์:
สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
375 หน้า

ราคา:
260 บาท

มติมหาชน หรือเสียงของประชาชน ก็คือ “เสียงสวรรค์” ในระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นพลัง
ทางการเมืองที่นำไปสู่นโยบายหรือการกระทำของรัฐบาล มติมหาชนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับกระบวนการพูดคุย การอภิปราย และการตัดสินใจร่วมกัน ถ้าปราศจากการสื่อสารเหล่านี้มติมหาชนก็เกิดขึ้นไม่ได้ หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงมติมหาชนโดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 กล่าวถึงกำเนิดและวิวัฒนาการของแนวคิดเกี่ยวกับมติมหาชนโดยส่วนนี้เน้นถึงปัญหาเกี่ยวกับมติมหาชน แนวคิดเกี่ยวกับมหาชน แนวคิดเกี่ยวกับความคิดเห็น และแนวคิดเกี่ยวกับกระบวนการมติมหาชน ส่วนที่ 2 กล่าวถึง วิถีทางที่นำไปสู่ความคิดเห็นทางการเมืองและปัญหาบางประการที่เกี่ยวกับมติมหาชน เช่น ปัญหาความมีเหตุผล ปัญหาการอนุโลมตาม และปัญหาความเข้มข้น เป็นต้น ส่วนที่ 3 กล่าวถึงอิทธิพลของสื่อที่มีต่อมติมหาชนและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อวาระของสื่อและของรัฐบาล

ชื่อเรื่อง:
การจัดการมุ่งเน้นผลงาน = Results – based management

ผู้แต่ง:
ประเวศน์ มหารัตน์สกุล

สำนักพิมพ์:
พิมพ์ตะวัน

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
208หน้า

ราคา:
150 บาท

หนังสือการจัดการมุ่งเน้นผลงานเป็นหนังสือที่นำเสนอแนวคิดจัดการองค์กรของไทยที่มุ่งเน้น
วิธีการจัดการที่ให้ความสำคัญกับผลงาน ผลลัพธ์ขององค์กร ผลกระทบต่อสังคม ชุมชนและประเทศชาติ ที่ผ่านมาแนวคิดการจัดการองค์กรของไทยยึดเอาความถูกต้องของกระบวนการเป็นความสำเร็จของการจัดการ ซึ่งอาจทำให้องค์กรมีความมั่นคงแต่เพียงภายนอก หากเวลาที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากภาวะภายนอกอย่างรุนแรงกลับไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ หนังสือเล่มนี้จึงแสดงถึงการปฏิวัติแนวคิดในการจัดการองค์กร โดยยึดเอาผลลัพธ์ของงานเป็นเป้าหมายในการจัดการ เหมาะสำหรับคนทำงานทุกคนที่แสวงหาความมั่นคงอย่างแท้จริงขององค์กร

ชื่อเรื่อง:
Productivity วิถีพุทธ

ผู้แต่ง:
วรภัทร์ ภู่เจริญ

สำนักพิมพ์:
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
168 หน้า

ราคา:
160 บาท

หากต้องการค้นหาต้นตอปัญหาในองค์กร จะเห็นว่าทุกอย่างล้วนมาจาก “ใจ” และสุดท้ายการ
จัดการทุกอย่างก็จบลงที่ “ใจ” เช่นกัน “Productivity วิถีพุทธ” เป็นหนังสือที่นำเสนอเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารงานองค์กร และการพัฒนาตนเอง โดยใช้หลักพุทธบริหาร โดยเน้นการฝึกวิธีคิดแบบองค์รวมพร้อมกับปฏิบัติตนตามแนวทางของพุทธศาสนา ซึ่งปัจจุบันเป็นวิธีการบริหารงานที่กำลังได้รับความสนใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เข้าใจง่าย ประยุกต์ใช้ได้จริง จึงเหมาะสำหรับการบริหารงานในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ และในสังคมที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน

ชื่อเรื่อง:
รอบรู้เรื่องตลาดตราสารหนี้

ผู้แต่ง:
ตลาดตราสารหนี้ BEX

สำนักพิมพ์:
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ปีที่พิมพ์:
2550

จำนวนหน้า:
120 หน้า

ราคา:
80 บาท

หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงตราสารหนี้และนำเสนอข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับตราสารหนี้ว่าตราสารหนี้คือหลักทรัพย์ประเภทใดและแตกต่างกับหลักทรัพย์ประเภทอื่นอย่างไร ตัวอย่างของเนื้อหาในเล่มประกอบไปด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ ช่องทางการลงทุน ความเสี่ยง ภาษี ผลตอบแทน และตลาดตราสารหนี้

ชื่อเรื่อง:
สร้างลูกรักให้เป็นนักอ่าน

ผู้แต่ง:
เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป

สำนักพิมพ์:
แปลน ฟอร์ คิดส์

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
154 หน้า

ราคา:
225 บาท

หนังสือ “สร้างลูกให้เป็นนักอ่าน” รวบรวมจากประสบการณ์และผลงานวิจัยเชิงปฏิบัติการของ
เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก สามารถใช้เป็นคู่มือช่วยพ่อแม่ในการเลือกซื้อหนังสือสำหรับนำมาอ่านให้ลูกฟัง เพื่อเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่ลูกตั้งแต่เล็ก โดยมีการอธิบายการใช้หนังสือกับลูกอย่างละเอียดและมีรูปธรรมที่ชัดเจนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

ชื่อเรื่อง:
คู่มือตายดี

ผู้แต่ง:
สุชญา ศิริธัญภร

สำนักพิมพ์:
คุณา

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
231หน้า

ราคา:
159 บาท

คู่มือตายดี ถือว่าเป็นคู่มือสำหรับ “เตรียมตาย” แบบถูกวิธี อ่านแล้วทำให้ไม่ประมาทในชีวิตประจำวัน เนื่องจากสรรพสิ่งใดในโลกนี้ล้วนมีการแตกดับไปเป็นธรรมดา คนเราก็เช่นกัน เมื่อมีการแตกดับหรือ
ตายลง คนที่เกี่ยวข้องย่อมร้องไห้ เศร้าโศก เสียใจ และทำอย่างไรที่จะช่วยแก้ปัญหาให้คนเราคลายความโศกลงได้บ้าง ผู้เขียนจึงได้ทำการวิจัย เรื่องการวิเคราะห์คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเถรวาท : ความตาย กับมรณสติ จนได้รับรางวัลดีเด่นจากสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย โดยเนื้อหากล่าวถึง หลักทฤษฎีแห่งชีวิต การมีท่าทีต่อความตายอย่างถูกต้อง วิธีทำใจเมื่อความตายใกล้เข้ามา การรู้จักเปลี่ยนอารมณ์ให้ดี การช่วยเหลือบุคคลผู้ใกล้ตาย การสร้างศรัทธานำพาคนใกล้ตาย การพูดนำพาให้สงบเบาใจ และวิธีปฏิบัติเพื่อให้มีการตายที่ดี ทำอย่างไรบ้างเพื่อช่วยสร้างสรรค์ชาวโลกให้อยู่เป็นสุข ไม่เป็นทุกข์ ยามเมื่อคนที่รักจากไป

ชื่อเรื่อง:
อดีตที่ยังค้างอยู่ในความทรงจำ : ย้อนไปข้างหลัง ภาคพิเศษ

ผู้แต่ง:
วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร

สำนักพิมพ์:
แสงดาว

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
240 หน้า

ราคา:
180 บาท

หนังสือเล่มนี้เป็นภาคพิเศษของหนังสือเรื่อง “ย้อนไปข้างหลัง” ที่เคยได้รับรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ต เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ราชบัณฑิตทางเศรษฐศาสตร์ผู้มีงานเขียนทั้ง
ทางด้านเศรษฐศาสตร์และสารคดีประวัติศาสตร์มากมาย ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้ทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิต ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานกว่า 80 ปี และถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์เหล่านั้นออกมาเป็นตัวอักษร โดยครอบคลุมทั้งชีวิตนักเรียน, นักเรียนนอก, ข้าราชการสมัครเล่น, ผู้บริหารรัฐกิจและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเรื่องราวหลาย ๆ เรื่องในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนอาจไม่เคยกล่าวถึงมาก่อน

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

โรคต้อหินที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์

www.geocities.com/glaucomathai
โรคต้อหินชนิดเรื้อรัง เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการใช้สายตา( Demand )และปริมาณเลือดแดงที่เข้ามาเลี้ยงเซลล์ประสาทตาภายในลูกตา( Supply ) เมื่อเซลล์ประสาทตาได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ จะค่อยๆทยอยเฉาตายลงไปเรื่อยๆ ความดันลูกตาที่สูงกว่าปกติ เป็นเพียงสาเหตุรองที่ต้านระบบไหลเวียนเลือด ทำให้ภาวะขาดเลือดดังกล่าวเลวลงไปอีก
ในอนาคต ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยโรคต้อหินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและสภาพเศรษฐกิจที่รัดตัว ผู้คนจะทำงานหนักมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สายตา บวกกับความเจริญทางด้านไอที ทำให้มีการใช้คอมพิวเตอร์กันทั่วไป และจะพบผู้ป่วยโรคต้อหินอายุน้อยลงเรื่อยๆ ( จากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน การเล่นเกมส์ และการใช้อินเตอร์เน็ต ) เป็นต้อหินรูปแบบใหม่ที่เกิดจากเซลล์ประสาทตามีความต้องการเลือดมาหล่อเลี้ยงมากกว่าปกติ ( More demand ) ซึ่งแตกต่างจากโรคต้อหินทั่วไปที่เกิดจากเลือดเข้ามาหล่อเลี้ยงน้อยกว่าปกติ ( Less supply ) และเป็นกลุ่มของโรคต้อหินที่ไม่จำเป็นต้องมีค่าความดันลูกตาสูง ทำให้วินิจฉัยได้ยาก เหมือนในประเทศญี่ปุ่น ที่ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ มากที่สุดในโลก สอดคล้องกับงานวิจัยของ Dr.Masayuki Tatemichi, from Toho University, School of Medicine ที่รายงานการค้นพบความสัมพันธ์ของโรคต้อหินกับการใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อปี ค.ศ. 2004 แต่เนื่องจากไม่สามารถอธิบายกลไกการค้นพบดังกล่าวได้ จึงยังไม่มีใครเชื่อถือในขณะนั้น
โรคต้อหิน กำลังจะเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยและของประชากรโลกในอนาคตอันใกล้นี้
อาการของโรคต้อหิน มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้ป่วยรู้ตัวว่าเป็นต้อหิน และนำผู้ป่วยให้ไปพบจักษุแพทย์ ทำให้ได้รับการวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น อาการของโรคต้อหิน มีอะไรบ้าง ?
1. ตาพร่าตามัว เวียนหัวคลื่นไส้อาเจียน เห็นภาพเบลอซ้อน หรือตามืดบอดชั่วขณะหนึ่ง
2. เห็นจุดแสงดำขาวเต็มไปหมด หรือเห็นเป็นแสงระยิบระยับเมื่อมองไปกลางแดด
3. ปวดในเบ้าตาลึกๆและปวดศีรษะข้างเดียวคล้ายไมเกรน หรือปวดจี๊ดขึ้นสมอง
4. ตรวจพบว่ามีสายตาสั้นขึ้นมาทันที และค่าสายตาขึ้นๆลงๆ ไม่แน่นอน
5. ตาจะพร่า เมื่อมองวัตถุบนพื้นที่มีแสงจัดหรือบนพื้นที่มันวาว
6. อ่านหนังสือไม่ทน ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือดูโทรทัศน์ ได้ไม่นาน
7. เห็นดวงไฟมีแสงเจิดจ้า เป็นรัศมีกระจาย เห็นเป็นฝ้าหมอกหรือวงสีรุ้ง รอบดวงไฟ
8. เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบ หรือเห็นลำแสงวิ่งผ่านตา หรือเห็นเป็นเส้นหยักๆที่หางตา
9. มีความลำบากในการสังเกตุพื้นต่างระดับเวลาก้าวเดิน หรือเวลาขึ้นลงบันได
10. เห็นสีจืดจางลงหรือผิดเพี้ยนไป เห็นตัวหนังสือเลือนรางหรือแตกพร่า
11. การมองในที่มืดแย่ลง เห็นหน้าคนไม่ชัด และไม่กล้าขับรถในเวลากลางคืน
12. เวลาขับรถลงอุโมงค์ลอดทางแยกหรือเดินเข้าที่ร่มในเวลาแดดจัด ตาจะมืดบอดชั่วขณะ
13. เวลามองผ่านกระจกหน้ารถในทิศทางย้อนแสงอาทิตย์ ตาจะพร่าและสู้แสงไม่ค่อยได้
14. เวลากลางคืนมักจะเดินชนข้าวของเป็นประจำ ชอบที่จะเปิดไฟทุกดวงเท่าที่มี
15. มองสิ่งที่เคลื่อนที่เร็วๆไม่ทัน ทำให้ไม่มั่นใจเวลาขับรถหรือเดินข้ามถนนคนเดียว
16. ตาสู้แสงไม่ได้ ต้องใส่แว่นดำเป็นประจำ
17. เห็นแสงมืดลงไปเรื่อยๆ หรือเห็นเป็นหมอกควันอยู่ทั่วๆไป
18. ลานสายตาแคบเข้ามาเรื่อยๆ จนระยะท้ายเหมือนมองผ่านท่อกลม
หมายเหตุ ผู้ที่ทำงานเพ่งมองวัตถุชิ้นเล็กๆทั้งวัน หรือทำงานจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ หากมีอาการดังกล่าว 3 – 5 ข้อ ควรรับการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคต้อหินเรื้อรัง
ด้วยเครื่องถ่ายภาพขั้วประสาทตา 3 มิติ พร้อมรับสำเนาภาพถ่ายเพื่อยืนยันผล

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ย่อหนังสือน่าอ่าน 8/52


ชื่อเรื่อง:
การบัญชีต้นทุน : แนวคิดการคำนวณต้นทุนผลิตภัณฑ์และการบันทึกบัญชี

ผู้แต่ง:
สมนึก เอื้อจิระพงษ์พันธ์

สำนักพิมพ์:
แมคกรอ-ฮิล

ปีที่พิมพ์:
2551

จำนวนหน้า:
506 หน้า

ราคา:
395 บาท

ให้แนวคิดเกี่ยวกับการคำนวณต้นทุนผลิตภัณฑ์และหลักการบันทึกบัญชีที่ถูกต้อง อาทิ วัตถุดิบ
ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายการผลิตและระบบต้นทุนฐานกิจกรรม ต้นทุนงานสั่งทำ ต้นทุนกระบวนการ ต้นทุนมาตรฐานผลิตภัณฑ์ร่วมและผลิตภัณฑ์พลอยได้ เป็นต้น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจหรือหน่วยงานต่าง ๆ ในสถานการณ์จริงได้

ชื่อเรื่อง:
เบื้องแรกของเศรษฐศาสตร์

ผู้แต่ง:
วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร

สำนักพิมพ์:
วศิระ

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
272 หน้า

ราคา:
190 บาท

การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ทุกคนควรที่จะมีความรู้ในประวัติศาสตร์ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พอเป็นสังเขป ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ตลอดระยะเวลากว่า 2 ศตวรรษของวิชาดังกล่าว อีกทั้งควรที่จะต้องคุ้นเคยกับผลงานของปรัชญาเมธีทางเศรษฐศาตร์ที่มีส่วนช่วยกันสร้างทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ให้มีความถูกต้องสมบูรณ์ในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการนำแนวความคิดของนักเศรษฐศาสตร์มาพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีคุณค่าและยั่งยืน หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมฐานความคิดของนักเศรษฐศาสตร์ 20 ท่าน ซึ่งผู้แต่งได้ประมวลข้อมูลและสรุปประเด็นความคิดเพื่อให้ผู้อ่านทราบและเข้าใจถึงฐานความคิดของนักเศรษฐศาสตร์เหล่านั้น อาทิ อดัม สมิท, ทอมมัส โรเบิร์ต มัลทัส, เดวิด ริคาร์โด, คาร์ล มาร์ซ, อัลเฟรด มาร์แชลล์, จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ , กุสตาฟ คาสเซล, เอ็ดเวิร์ด เฮสติ้ง เชมเบอร์ลิน ฯลฯ

ชื่อเรื่อง:
ปฏิวัติความรู้ในถ้วยน้ำชา

ผู้แต่ง:
วิศิษฐ์ วังวัญญู

สำนักพิมพ์:
วงน้ำชา

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
202 หน้า

ราคา:
185 บาท

หนังสือรวบรวมแนวคิด ทฤษฎีการเรียนรู้ การจัดการความรู้ที่แตกต่างไปจากหนังสือเล่มอื่น ไม่ว่าจะเป็นด้านการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การจัดการความรู้ การบ่มเพาะความรู้ กระทั่งการอ้างอิงถึงสรรพสิ่งในการจัดการความรู้มาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ถ่ายทอดโดยผู้เขียนซึ่งมีประสบการณ์นำทฤษฎีเหล่านั้นไปปฏิบัติ เป็นการจัดการความรู้แบบไทยๆที่ปฏิบัติได้จริง

ชื่อเรื่อง:
DigiMarketing เปิดโลกนิวมีเดียและการตลาดดิจิทัล

ผู้แต่ง:
เวอร์ไทม์, เคนท์

สำนักพิมพ์:
เนชั่นบุ๊คส์

ปีที่พิมพ์:
2551

จำนวนหน้า:
474 หน้า

ราคา:
345 บาท

พัฒนาการในโลกของสื่อ เทคโนโลยีดิจิทัล และการตลาดยุคใหม่ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนบรรดา
บริษัทและนักการตลาดต้องหันมาทบทวนวิธีการสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภค "DigiMarketing เปิดโลกนิวมีเดียและการตลาดดิจิทัล" เป็นคัมภีร์สำหรับนักการตลาดและผู้ใฝ่หาความรู้เรื่องความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสื่อสารดิจิทัล และนิวมีเดีย แนะนำช่องทางสื่อสารดิจิทัลที่มีใช้ในโลกสื่อสารยุคใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการตลาดผ่านมือถือ เว็บบล็อก ดิจิทัลเกม ดิจิทัลมีเดีย จุดบริการขายแบบดิจิทัล เว็บ 2.0 และคอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้บริโภคยุคดิจิทัล รวมทั้งรวบรวมแนวทางปฏิบัติของนักการตลาดชั้นนำที่ใช้ช่องทางสื่อสารดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างยอดขายสินค้าและส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ได้ประสบผลสำเร็จ

ชื่อเรื่อง:
การพัฒนาองค์การ

ผู้แต่ง:
ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา

สำนักพิมพ์:
สถาบันพัฒนานโยบายและการจัดการ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปีที่พิมพ์:
2551

จำนวนหน้า:
73 หน้า

ราคา:
200 บาท

การพัฒนาองค์การ จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 60ปี ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย โดยรวบรวมบทความของ ผู้ช่วยศาสตารจารย์ ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา ที่มาจากคำบรรยายพิเศษที่ส่วนราชการร้องขอ และจากเอกสารในหลักสูตรฝึกอบรมของสถาบันพัฒนานโยบายและการจัดการฯ ที่อ้างถึงกรอบแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องที่สอดรับกับบริบทของวัฒนธรรมไทย เพื่อให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐได้นำไปเป็นสารสนเทศส่วนหนึ่งเพื่อพิจารณาในการร่วมกำหนดนโยบายสาธารณะและการประเมินผลให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป

ชื่อเรื่อง:
เทคนิคการเขียนบันทึกเสนอ และการเกษียนหนังสือ

ผู้แต่ง:
กิจคณิตพงศ์ อินทอง

สำนักพิมพ์:
ภาพพิมพ์

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
148 หน้า

ราคา:
130 บาท

เนื้อหาของหนังสือประกอบด้วยสาระที่สำคัญ ได้แก่ ความสำคัญและปัญหาของการเขียนบันทึก ลักษณะรูปแบบของบันทึกเสนอ องค์ประกอบ หลักการเขียนเนื้อหาและเทคนิคการเขียนบันทึกเสนอ
เทคนิคการเขียนบันทึกสั่งการ การเกษียนหนังสือ และบันทึกติดต่อ การเขียนข้อพิจารณาต่าง ๆ การเขียนข้อเสนอที่ผู้งคับบัญชาต้องอนุมัติ ตลอดจนเทคนิคการบันทึกต่อเนื่องของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เทคนิคการเกษียนหนังสือสั่งการของผู้บังคับบัญชา รวมทั้งมีแนวทางและตัวอย่างสมมุติการเขียนบันทึกในลักษณะต่าง ๆ ทำให้สามารถเขียนบันทึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นภาพลักษณ์ที่ดีแก่ตนเองและองค์กร

ชื่อเรื่อง:
ฉลาดขึ้น, เร็วขึ้น, ดีขึ้น กลยุทธ์สู่ความเป็นเลิศของผู้นำ

ผู้แต่ง:
คาร์ลิน สโลน และ ลินด์ซีย์ พอลลัค, ผู้เขียน ; สิริทิพย์ ขันสุวรรณ, ผู้แปล

สำนักพิมพ์:
เนชั่นบุคส์

ปีที่พิมพ์:
2551

จำนวนหน้า:
418 หน้า

ราคา:
340 บาท

แนะนำกลยุทธ์และวิธีการใหม่ๆในการแก้ปัญหา เพื่อให้สามารถเป็นผู้ผู้นำที่มีประสิทธิ์ภาพ และประสบความสำเร็จได้ เนื้อหาในหนังสือจะแบ่งเป็น 3 ตอน นำเสนอการพัฒนาตน 3 วิธี ได้แก่ ฉลาดขึ้น เร็วขึ้นและดีขึ้น พร้อมสอดแทรกเรื่องราวของผู้นำหลายๆท่านไว้ในแต่ละบท เพื่อให้เห็นตัวอย่างและให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการและกลยุทธ์ต่างๆที่นำเสนอนั้นมีความสมเหตุสมผล สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และช่วยให้ผู้นำได้รับแง่คิดและการรู้จักตนเอง รู้จักไขว่คว้าโอกาสต่างๆเพื่อบรรลุถึงศักยภาพสูงสุด

ชื่อเรื่อง:
ดูไบ

ผู้แต่ง:
กาญจนา หงษ์ทอง

สำนักพิมพ์:
วงกลม

ปีที่พิมพ์:
2552

จำนวนหน้า:
187 หน้า

ราคา:
190 บาท

"ดูไบ" คู่มือท่องเที่ยวประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เหมาะสำหรับผู้ต้องการเดินทางท่องเที่ยว
ด้วยตนเอง แบบมีเวลาไม่มากและมีงบประมาณจำกัด เป็นคู่มือที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและใช้ได้จริง โดยแนะนำเส้นทางต่างๆ ครอบคลุมทุกๆ เมืองทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอทิปเล็กๆ น้อยๆ จากประสบการณ์ตรง จัดทำขึ่นเพื่อนักเดินทางชาวไทยโดยเฉพาะ

ชื่อเรื่อง:
มหาสมุทรแห่งปัญญา : แนวทางแห่งการดำเนินชีวิต

ผู้แต่ง:
องค์ทะไลลามะ

สำนักพิมพ์:
เนชั่นบุ๊คส์

ปีที่พิมพ์:
2551

จำนวนหน้า:
86 หน้า

ราคา:
150 บาท

"มหาสมุทรแห่งปัญญา : แนวทางแห่งการดำเนินชีวิต" เป็นหนังสือแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ 'Ocean of Wisdom' ซึ่งรวบรวมขึ้นจากปาฐกถาขององค์เทนซิน เกียโซ ทะไลลามะองค์ที่สิบสี่
แห่งทิเบตและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่ทรงแสดง ณ สถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในมหาวิทยาลัย ศาสนสถาน และงานชุมนุมระหว่างศาสนา พระองค์ทรงให้ความสำคัญในการสร้างสันติสุขให้แก่โลก การชี้ถึงภัยคุกคามของอาวุธนิวเคลียร์ที่กำลังแพร่กระจายไปทั่ว รวมถึงทรงแสดงความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งใครก็ตามที่ห่วงใยชะตากรรมของโลกที่กำลังตกอยู่ในอันตราย และต้องพึ่งพากันมากขึ้นเรื่อยๆ

ชื่อเรื่อง:
หนังสือภาพ ตามรอยบาทพระศาสดา อาสาฬหบูชา ธรรมยาตราคุ้มครองโลก

ผู้แต่ง:
คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ... [และอื่น ๆ]

สำนักพิมพ์:
ธนาเพลส

ปีที่พิมพ์:
2551

จำนวนหน้า:
147 หน้า

ราคา:
-

หนังสือภาพ ตามรอยบาทพระศาสดา นำเสนอเนื้อหาและรูปภาพเกี่ยวกับสังเวชนียสถาน 4 แห่ง
ที่สำคัญที่สุดก่อนที่พระตถาคต(พระพุทธเจ้า) จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน อันได้แก่ สถานที่ประสูติ(ลุมพินีวัน) สถานที่ตรัสรู้อนุตตรสัมมาโพธิญาณ(พุทธคยา) สถานที่แสดงปฐมเทศนา(พาราณสี) และสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน (กุสินารา) นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น สถานที่แสดงโอวาทปาติโมกข์(ราชคฤห์) สถานที่เสวยสุขในราชสมบัติ(กบิลพัสดุ์) หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อน้อมนำจิตใจให้ผู้อ่านได้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าและคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและคุณของพระธรรม พระอริยสงฆ์และคุณของพระอริยสงฆ์ อันเป็นเหตุให้บุญกุศลที่ยังไม่เกิด และยังบุญกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งขึ้นไปในอนาคต